NOWHERE GIRL








สัมผัสแรกที่ได้ จับหนังสือ  NOWHERE GIRL รู้สึกสะดุดตาด้วยสีสันหน้าปกที่มีสีเหลืองสด


และภาพวาดของ Juli Baker and Summer สวมแว่นโผล่มาเหนือปกครึ่งหนึ่ง เรื่องเนื้อหานี่ไม่ต้องห่วง เพราะสาว Juli Baker and Summer หรือ ป่าน เขียนให้เรารู้มีส่วนร่วมกับหนังสือเล่มนี้ได้ดี มีความสนุก อ่านเพลิดเพลินตั้งแต่ตอนนต้นยันตอนจบ เหมือนเรากำลังเดินทางไปพร้อมกับป่านเลยทีเดียว มอบความประทับใจ ทัศนคติความคิดต่างๆที่น่าสนใจจากตัวของป่านและผู้คนที่ป่านพบเจอ


ส่วนหนังสือเล่มนี้มีอะไรบ้างเราจะสรุปหัวข้อความน่าสนใจดังต่อไปนี้


ทริปเดินทางคนเดียวที่เบอร์ลินประเทศเยอรมัน


การเดินทางครั้งนี้ของป่านนั้น ป่านได้เดินทางไปในฐานะนักศึกษาฝึกงานชั้นปีที่ 3 ที่เลือกไปฝึกงานในร้านเสื้อผ้าเด็กแบรนด์ดังระดับโลก เป็นระยะเวลา 3 เดือนเต็มๆ เธอได้อธิบายสั้นๆว่า
" ทริปเดินทางเดี่ยวครั้งแรกเพื่อไปทำงานแบรนด์เสื้อผ้าเด็ก ฝึกทำทุกอย่างที่ไม่เคยได้ทำ วาดรูป เดินทาง การปรับตัว การใช้ชีวิตร่วมกันคนอื่น บางทีก็ฝึกทำงานแบบไม่มีแผน


ฝึกให้รู้ว่าชีวิตเราต้องฝึกอีกเยอะ "


เพียงแค่นี้เราก็รู้ถึงทัศนคติที่ดีของป่าน รวมถึงความมุ่นมั่นไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็ตาม การเปิดกว้างทางความคิดพร้อมรับสิ่งใหม่ๆตลอดเวลา

จดบันทึกทุกอย่างด้วยลายมือและลายเส้นของตัวเอง

อย่างที่เราเคยบอกว่าหนังสือเล่มนี้เปรียบเสมือน ไดอารี่ทำมือ ก็คือทุกอย่างข้างในหนังสือถูกเขียนด้วยลายมือของป่านทั้งหมด รวมถึงรูปวาดต่างๆก็ล้วนเป็นฝีมือของป่าน ก่อนอื่นเลยป่านได้เรียนอยู่ในสายศิลปะเรียนแฟชั่น ไม่ต้องห่วงถึงผลงานการวาดรูปของป่านเพราะว่ารูปทุกรูปของป่านที่วาดลงในหนังสือเล่มนี้เรารับประกันได้เลยว่า สวยมากๆๆๆๆๆ ตัวหนังสือของป่านได้เล่าเรื่องส่วนตัวที่น่าเรียนรู้ให้เราอ่าน แถมยังสร้างเสน่ห์และมูลค่าในการอ่านหนังสือเล่มนี้ให้กับเราอีกด้วย




ยกตัวอย่างอีกรูป นี่คือภาพที่ป่านวาดอาหารโปรดของป่านตอนอยู่เบอร์ลิน



ภาพเพื่อนของเธอที่เป็นสาวร็อค





บทเพลงที่แทรกอยู่ในแต่ละบทความ


นอกจากหนังสือเล่มนี้จะมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวทัศนคติในการใช้ชีวิตและศิลปะต่างๆที่ป่านได้พบเห็นแล้ว ป่านยังได้เพิ่มบทเพลงซาวด์แทรคในแต่ละช่วงของหนังสือมาอีกด้วย เวลาเราได้อ่านพร้อมเปิดฟังบทเพลงที่ป่านเลือกมานำเสนอแล้วเราจะยิ่งรู้สึกอินไปกับเจ้าหนังสือ NOWHERE GIRL เล่มนี้มากขึ้นอีกด้วย


ตัวอย่างเพลงในหนังสือ


Nowhere man - The Beatles


Here comes the sun - George Harrison


Hero - Family Of The Years



 





แล้วนี่ก็คือทั้งหมดที่รีวิวสำหรับหนังสือ NOWHERE GIRL


ถ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้รับรองว่าจะไม่ผิดหวัง เพราะได้ทั้งทัศนคติความคิดที่ดีพร้อมซึมซับความเป็นศิลปะที่อยู่ภายในหนังสือเล่มนี้ ถึงเราจะอ่านรีวิวหนังสือเล่มนี้เท่าไหร่ก็ไม่เท่าเราได้สัมผัสอ่านหนังสือเล่มนี้จริงๆ


บอกได้คำเดียวว่า หนังสือเล่มนี้มีคุณค่าสำหรับการอ่านมาก


รายละเอียดของหนังสือ NOWHERE GIRL


ราคา : 395 บาท  จำนวน 160 หน้า


จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์  A BOOK ในเครือบริษัท เดย์โพเอทส์ จำกัด

_____________________________


สัมภาษณ์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเบอร์ลิน






นางสาวนิธิมา เณรเจริญ (ออม)



นางสาวเมธาพร ศิริพิทยกุล (ดรีม)


ทั้ง ออม และ ดรีม ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเมืองเบอร์ลินนั้น เป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวเพราะมีผู้คนมากมายหลากหลายเชื้อชาติแตกต่างวัฒนธรรม และมีความน่าสนใจทางประวัติศาสตร์ที่ตราตรึงใจผู้คนทั้งโลกในเหตุการณ์สำคัญๆ หลายต่อหลายครั้งด้วยกัน เเละการมาเที่ยวเยอรมันนั้นหากไม่มาเที่ยวเบอร์ลิน ก็เหมือนว่าจะมาไม่ถึงเยอรมันเลยทีเดียว เพราะเมืองหลวงเเห่งนี้นั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความน่าสนใจเเละสวยงามหลายต่อหลายเเห่งที่สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว

ซึ่งเหตุผลเหล่านี้ทำให้ออมและดรีมอยากไปเรียนรู้ถึงการใช้ชีวิตของผู้คน อยากจะเพิ่มประสบการณ์ให้ตนเองไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตร่วมกันคนอื่น อยากจะลองท่องเที่ยวตัวคนเดียวไปในที่ต่างๆ และนอกจากนั้นยังอยากจะไปเที่ยวชมศิลปะในเมืองเบอร์ลินอีกด้วย การอ่านหนังสือเล่มนี้ถือว่าเป็นแรงบันดาลใจในการท่องเที่ยวแสวงหาความรู้พร้อมเปิดโลกใหม่ๆอีกด้วย



นอกจากนี้ออมและดรีมได้พูดถึงสถานที่อยากไปในเบอร์ลินที่แรกก็คือ

กำแพงเบอร์ลิน (Berlin Wall)
ถ้าไปถึงเบอร์ลินแน่นอนว่าเราต้องไม่พลาดที่จะไปชม กำแพงเบอร์ลิน  ประวัติคร่าวๆของกำแพงเบอร์ลินนั้น กำแพงเบอร์ลินถูกสร้างขึ้นเพื่อแบ่งแยกเบอร์ลินตะวันออกและเบอร์ลินตะวันตก ถ้าใครได้มาเบอร์ลินก็จะได้เห็นกำแพงที่กั้นแบ่งเขตแดนตั้งอยู่ในกลางเมืองเป็นแนวยาวกว่า 160 กิโลเมตรไปตามเขตพรหมแดนตะวันตกเลยละค่า จากการที่เยอรมนีพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ให้กับ ฝรั่งเศส อังกฤษ สหรัฐ และสหภาพโซเวียต กำแพงจึงถูกสร้างขึ้นในวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 1961 จนถึง 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1989 กำแพงเบอร์ลินถูกมองว่าเป็น “สัญลักษณ์ของสงครามเย็น” ซึ่งที่นี่ไม่เพียงแต่จะเป็นเขตอนุรักษ์พื้นที่กำแพงบางส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงหอสังเกตการณ์ ที่เราสามารถขึ้นไปชมวิวของเมืองได้ รวมไปถึงการเดินชมโบสถ์ใหม่ที่สร้างขึ้นแทนโบสถ์เก่าอย่าง Chapel of Reconciliation ส่วนถ้าใครอยากเดินชมรอบๆ กำแพงเมือง และอยากทราบประวัติของกำแพงในแบบที่ลึกซึ้ง ก็สามารถซื้อทัวร์เสียงภาษาอังกฤษได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ๆ ได้ในราคาที่ไม่แพงเลย
ที่สองก็คือ

เที่ยวเช็กพอยท์ชาร์ลี (Checkpoint Charlie)

       เช็กพอยท์ชาร์ลี (Checkpoint Charlie) ด่านข้ามกำแพงเบอร์ลินในดินแดนการรักษาระหว่างเขตปกครองของสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 22 กันยายน ค.ศ. 1961 หลังจากการเริ่มสร้างกำแพงเบอร์ลินได้เพียงไม่ถึง 5 สัปดาห์ ชื่อ Checkpoint Charlie มาจากการออกเสียงตัวอักษรสำหรับการสื่อสารวิทยุขององค์กร นาโต (NATO) หรือ องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ เช่น Alpha, Bravo, Charlie ซึ่งสหรัฐอเมริกามีจุดตรวจข้ามพรมแดนที่ Helmstedt – Marienborn (Alpha) และ Dreilinden – Drewitz (Bravo) อีกสองจุดในเยอรมนี ซึ่ง Checkpoint Charlie เป็นจุดตรวจที่สามที่เปิดโดยฝ่ายพันธมิตรในกรุงเบอร์ลิน Checkpoint Charlie ไม่ใช่แค่สถานที่สำคัญที่เป็นสัญลักษณ์ของสงครามเย็นอีกที่หนึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ไว้เพื่อรำลึกถึงความพยายามอย่างมากและหลากหลายรูปแบบของคนที่ต้องการจะหลบนี้มาจากเบอร์ลินตะวันออก บริเวณรอบๆ ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร และสินค้าแผงลอยให้เลือกซื้อไปเป็นของฝาก เช่น หมวกทหารรัสเซีย หรือ ของที่เกี่ยวกับช่วงสงครามเย็นก็มีให้เลือกตามใจชอบเลยค่า ส่วนใครที่อยากรู้ประวัติเพิ่มก็สามารถไปได้ที่ Museum Haus Am Checkpoint Charlie ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นหนึ่งปีหลังจากกำแพงเบอร์ลินสร้างเสร็จ และได้ใช้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาตลอดจนถึงตอนนี้เลย




คลิปการสัมภาษณ์








                    


                                               ชัญญานุช สมหวัง

5903009